วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

วัดพระธาตุโพธิ์ทอง บ้านแก้ง อำเภอนาแก นครพนม

พระธาตุโพธิ์ทอง บ้านแก้ง นาแก นครพนม

หลวงปู่บุญมี ปิยธัมโม....

อดีตเจ้าอาวาสผู้สร้างวัดพระธาตุโพธิ์ทอง
หรือที่พี่น้องเรียกกันทั่วไปว่า วัดถ้ำโพธิ์ทอง ท่านเป็นผู้สร้างพระธาตุองค์นี้



 
  
 
 

      จำได้ว่า เมื่อปี 2507 อายุประมาณ ป.1 - ป.2 ตอนนั้นยังเป็นเด็กน้อยได้พบหลวงปู่บุญมี ที่วัดท่าสีลารมณ์ครั้งแรก หลังจากนั้นก็ได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านตลอดมาจนท่านมรณะภาพ เรื่องราวเกี่ยวกับองค์พระธาตุโพธิ์ทอง จึงรู้ได้บางส่วนเท่าที่ท่านเล่าให้ฟัง ดังท่านจะได้อ่านต่อไปนี้

       วัดถ้ำโพธิ์ทองแห่งนี้ จากป้ายที่ติดไว้หน้าวัดว่า สร้างวัดตั้งแต่ปี 2462 สมัยนั้นเรียกชื่อว่า วัดถ้ำตาฮด สาเหตุเพราะว่า  ที่นี่มีเพิงผาหินขนาดใหญ่พอจะหลบฝน หลบแดด ได้ 

        ตาฮดซึ่งเป็นคนทางสุรินทร์ ศรีษะเกษ คิดว่า ตาฮด ต้องเป็นคนมีเชื้อเขมร หรือ กูย ท่านได้นำช้างมาเลี้ยงที่ถ้ำแห่งนี้ เลยเรียกว่า ถ้ำตาฮด ตาฮดได้แต่งงานกับสาวบ้านแก้ง น่าจะเป็นพี่น้องไทบ้านแก้งที่นามสกุล เชื้อตาฮด หรือ เชื้อคำฮด (นามสกุลเชื้อคำฮด น่าจะหมายถึง ยายคำ กับ ตาฮด)

      จากคำบอกเล่าของพระอาจารย์กมลชัย กมโร (พระอาจารย์ก่ำ) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่บุญมีเล่าว่า...วัดถ้ำโพธิ์ทองแห่งนี้เป็นจุดพักแวะนอนของพ่อแม่คูบาอาจารย์สายธรรมยุติที่เดินทางผ่านมา น่าจะเป็นวัดที่สำคัญวัดหนึ่งในสมัยนั้น 
       หลวงปู่ที่เดินทางมาพักหรืออยู่ปฎิบัติธรรมที่นี่ มีหลายท่าน อาทิ หลวงปู่วัน อุตโม  หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน   หลวงปู่จาม   หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ    หลวงปู่ศรี มหาวีโร    หลวงปู่หล้า เขมะปัตโต     หลวงปู่กอน พระเทพมงคลสุธี (สีแพง รตนโชโต) เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ สมัยเมื่อเป็นสามเณรมาพร้อมกับหลวงปู่กอน (จากคำบอกเล่าของพระอาจารย์ก่ำ) และ อื่นๆ มากมาย

        พระธาตุโพธิ์ทององค์เดิม ตั้งแต่ปี 2462 เป็นต้นมา ไม่ทราบว่า มีหลวงปู่องค์ใดเป็นผู้สร้าง เล่ากันว่ามีขนาดเล็ก ไม่มีรูปถ่าย ผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคยเห็นพระธาตุองค์เดิมอาจจะมีชีวิตอยู่ วันหลังจะไปสอบถาม

        พระอาจารย์กมลชัย เล่าว่า พระธาตุโพธิ์ทององค์เก่านั้นได้บรรจุพระธาตุของหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล 

        ดังนั้น สันนิฐานว่า พระธาตุโพธิ์ทององค์เก่าต้องสร้างหลัง พศ.2484 อันเป็นปีที่ท่านมรณะภาพ

       ปี 2492-93 หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต   มรณะภาพ เมื่อจัดงานหลวงปู่เสร็จแล้ว เชื่อว่า ลูกศิษย์ของหลวงปู่ได้บรรจุพระธาตุขององค์หลวงปู่มั่นไว้ในองค์ พระธาตุโพธิ์ทององค์เก่านั้นด้วย

         ดังนั้นพระธาตุโพธิ์ทอง องค์เก่า จึงได้บรรจุพระอรหันต์ธาตุของทั้งของหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งพระธาตุที่สำคัญอย่างที่สุดอย่างยิ่ง 

      หลวงปู่บุญมี ปิยธัมโม หรือ พระครูปิยธรรมธารี จึงได้ดำริสร้างองค์พระธาตุที่เห็นครอบองค์เดิมให้ดูเด่นเป็นสง่าสมบารมีธรรมของพ่อแม่คูอาจารย์ทั้งสอง หวังจะให้เป็นศูนย์รวมแห่งการสักการะบูชาของลูกศิษย์หลวงปู่ทั่วประเทศ ทั่วโลก .....
      ราวปี พศ.251...หลวงปู่บุญมีท่านได้สร้างพระธาตุองค์ใหม่ ครอบองค์เดิมไว้ดังรูป หลวงปู่บุญมีและผู้เฒ่าผู้แก่ จึงน่าจะเห็นพระธาตุองค์เดิม

       ช่วงปี พศ.2518 องค์พระธาตุพนมล้ม...ยังความโศกเศร้าสะเทือนใจให้ผู้คนในท้องถิ่นทุกอำเภอในจังหวัดนครพนม ข้างเคียง และทั้งประเทศ ผู้เขียนเรียนอยู่ชั้น มศ.3 ได้ไปดูองค์พระธาตพนมล้ม...ใช้เวลาดูในหน้าต่างไม่นานนัก แต่ภาพพระธาตุพนมล้มยังประทับอยู่ในใจทุกวันนี้

         ราวปี 252... หลังจากองค์พระธาตุพนมล้มลงแล้ว คณะครูในอำเภอนาแกได้จัดให้มีการอบรมคุณธรรมจริยธรรม เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ที่วัดถ้ำพระธาตุโพธิ์ทอง หลวงปู่บุญมี ปิยธรรมโม เป็นประธานสงฆ์ พระครูเลียบ วัดศรีจำปา บ้านซ่ง รองเจ้าคณะอำเภอนาแกเป็นพระอาจารย์อบรม สถานที่บริเวณรอบองค์พระธาตุ หลวงปู่บุญมีนั่งหันหน้าไปทางกุฎิไม้ทิศตะวันออก มีฝนตกลงมาปรอยๆ ไม่แรงมากนัก 

       คราที่หลวงปู่บุญมีเทศนาพาสอนนั่งกรรมฐาน ทุกคนจะเงียบสงบมาก ครั้นพอพระครูเลียบสอนธรรม ทุกคนจะสนุกสนาน หัวเราะคลายอารมณ์ดี

       หลวงปู่บุญมีเล่าให้ผู้เขียนฟัง จำได้ว่า...เมื่อตอนองค์พระธาตุพนมล้ม ตัวท่านได้ไปดูองค์พระธาตุ และได้เข้าสมาธิอธิษฐานจิต ขออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุต่อองค์พระธาตุพนมที่ล้มลงนั้น เมื่ออธิษฐานจิตเสร็จเรียบร้อย ท่านได้เดินทางกลับมาวัดถ้ำโพธิ์ทอง

       ในคืนที่สอง หรือสามแห่งการอบรมครูคราวนั้น หลวงปู่เล่าว่า..คืนนั้นท้องฟ้าราตรีวัดถ้ำโพธิ์ทองมืดมิด.ระหว่างที่ฝนกำลังตกปรอยๆ บนท้องฟ้าทางทิศตะวันออกมีแสงระยิบระยับเหมือนหิ่งห้อยลอยมาเป็นสายต่อกันมาเป็นแพ แสงวูบวาบลอยมาชนส่วนบนของพระธาตุตรงที่เป็นสี่เหลี่ยม แล้วค่อยๆ หล่นลงมาตามความสูงของพระธาตุ ตกลงในบาตรน้ำมนต์ที่วางอยู่บนฐานพระธาตุ...ในรูป คือด้านหน้าที่เห็นตรงบริเวณเชิงเทียน


ท่านผู้อ่านเข้าใจถูกแล้ว ...หลวงปู่บุญมี ปิยธัมโม ท่านไปยืนอธิษฐานขอพระธาตุกับองค์พระธาตุพนมที่ล้มลง เมื่อปี 2518 และพระธาตุเสด็จมาเอง ไม่ได้ให้ใครนำมาถวายท่าน เรื่องนี้ ขอยืนยัน ท่านเล่าให้ผู้เขียนฟังด้วยตนเอง

      พระธาตุที่เสด็จมาให้เห็นนั้น ผู้เขียนไม่ได้เห็นชัดเจนด้วยตาตนเอง หลวงปู่บุญมีท่านเล่าให้ฟัง และปลัดเนตร ศิริสานต์ ซึ่งเป็นคุณอา เล่าว่า มีอยู่ 5 หรือ 8 องค์ แต่เป็นเหมือนแก้วสี พลอยสี (ไม่ทราบชัดเจน) 

     หลวงปู่บุญมี ท่านได้เอาไปบรรจุในส่วนบนของค์พระธาตุจำนวนหนึ่ง และบรรจุไว้ในเศียรพระพุทธรูปพระประธานในศาลาด้านหลังองค์พระธาตุจำนวนหนึ่ง และ  ติดไว้กลางพระลลาฏ หรือหน้าผากองค์พระพุทธรูปอีก 1องค์ ตั้งชื่อพระประธานตามพระธาตุที่เป็นแก้วนั้นว่า.... สมเด็จพระพุทธรัตนศาสดา ....ตามชื่อของพระธาตุที่เป็นแก้วเสด็จมานั้น
     ครั้งหนึ่งผู้เขียนได้ไปกราบท่านที่วัดพระธาตุโพธิ์ทอง ได้นั่งสนทนากันกับหลวงปู่บุญมี ประสาพระอาจารย์กับลูกศิษย์ พระ 1 รูป ฆราวาส 1 คน ไม่มีใครนั่งสนทนาด้วย ท่านได่เล่าเรื่องราวต่างๆ มากมายให้ฟัง มีการบันทึกเทป แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แบตเตอรี่ก็เพิ่งเปลี่ยน ใหม่ แต่เสียงเทปที่อัดฟังยานอืดอาดไม่ชัดเจน แม้ท่านจะพูดเปรยว่า มันจะอัดได้อยู่หรือ แต่ความที่เป็นลูกศิษย์ดื้อก็ถือวิสาสะ บอกท่านว่า ได้อยู่ดอกครับ เพิ่งเปลี่ยนแบตเตอรี่ เมื่ออัดไปสักครู่เปิดให้ท่านฟังก็บันทึกเสียงไม่ได้จริงๆ ท่านก็หัวเราะ จึงได้อาศัยแต่ความจำ...

      ถึงแม้ผู้เขียนจะเคยเป็นเด็กน้อยสะพายย่ามตามหลังท่านไปพักวัดหลวงปู่สมัย ฑีฆายุโก บ้านดอนเขือง แต่เมื่อโตขึ้นทำงานเป็นครู ท่านก็จะเรียกให้เกียรติคำแทนตัวผู้เขียนว่า ครู เสมอ

         วันนั้นท่านบอกว่า เหตุที่ต้องสร้างพระพุทธรูปในศาลาเนื่องจากท่านเห็นว่า พระธาตุที่เสด็จมาเองนั้นเป็นของมหามงคลสุดจะหาที่เปรียบได้ ท่านจึงสร้างองค์พระพุทธรูปขึ้นมา ได้มีนายช่างปั้นพระจากร้อยเอ็ด (หรือที่ไหน ไม่แน่ใจ จำไม่ได้) 

      นายช่างคนนี้ระหว่างที่ทำการปั้นพระตั้งแต่เริ่มขึ้นฐาน โครงร่าง จนปั้นองค์พระ นายช่างผู้นี้ไม่ได้ทานอาหารเลยทั้งเช้า เที่ยง เย็น บอกว่าไม่หิว แต่รับประทานน้ำ กาแฟ ผลไม้นิดหน่อย เครื่องดื่มชูกำลังบ้างเท่านั้น 
     
      การปั้นองค์พระนี้ทั้งกลางวัน กลางคืนต่อเนื่องกันไป ไม่มีการหยุดพักกลางคืนเหมือนช่างทั่วไป ไม่มีการรับโอที แต่ตั้งใจปั้นเพื่อถวายไว้ในพระพุทธศาสนาจนปั้นองค์พระเสร็จเรียบร้อย ภายในระยะเวลา 7 วัน 7 คืน นายช่างคนนี้ถึงได้นอนพักหมดเรี่ยวแรงหลับไปเป็นวันๆ

      ถูกแล้ว พระพุทธรูปองค์นี้ใช้เวลาปั้น ตบแต่งด้วยมือเพียง 7 วันเท่านั้น

       หลวงปู่บุญมี บอกว่า คงจะมีเทวดามาปั้นช่วยอย่างแน่แท้ และท่านตั้งชื่อว่า สมเด็จพระพุทธรัตนศาสดา ตามชื่อของพระธาตุที่เสด็จมา 

       และสั่งผู้เขียนไว้ว่า ........ พระพุทธรูปนี้ศักสิทธิ์ยิ่งนัก หากแม้นในอนาคตอาจารย์ไม่อยู่แล้ว ครูคิดอะไรไม่ออก แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ในชีวิต ทั้งทางโลกและทางธรรม ให้มากราบไหว้พระพุทธรูปองค์นี้ ให้มานั่งกรรมฐานจะเห็นหนทางแก้ไขปัญหานั้นได้......

         แม้ตัวท่านเอง หากขบคิดปัญหาปริศนาธรรมไม่ได้ ท่านจะมานอนเยื้องไปทางขวาของพระพุทธรูปให้ศรีษะตรงบริเวณเสาที่มีลวดลายปูนปั้นด้านขวามือของพระพุทธรูป ตื่นขึ่นมาท่านจะเข้าใจในปัญหาธรรมนั้น และแก้ไขตกไป

กลับมาที่องค์พระธาตุโพธิ์ทอง....

        หลวงปู่วัน อุตโม ท่านได้มาเป็นประธานสงฆ์ในการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุจำนวน 72 องค์ (ขอตรวจสอบข้อมูล) ซึ่งจำได้ว่า มีการขุดค้นได้พระธาตุมาจากทางเขาสวนกวาง ขอนแก่น มีผู้นำมาถวาย วันเวลาที่ทำการบรรจุขอตรวจสอบข้อมูลก่อน
         สมัยที่หลวงปู่บุญมียังมีชีวิตอยู่ ได้ฟังท่านกับนายดาบประจักษ์ ที่ขับรถให้ท่านไปงานกิจนิมนต์กลับมาตอนค่ำมืดแล้ว เมื่อกลับมาถึงบริเวณพระธาตุ เห็นเหมือนคนนุ่งชุดขาวกำลังก้มลงกราบไหว้พระธาตุ นึกว่าเป็นขโมย ท่านกับนายดาบประจักษ์ จึงเดินไปดักหัวท้ายเส้นทาง แต่ไม่พบเจอใครเลย เป็นเรื่องแปลกมาก...
        
        อีกอย่างหนึ่ง คือ เมื่อชาวบ้านเกิดโรคประสาท เป็นบ้า รักษาไม่หาย ก็มักจะให้ท่านช่วยรักษา หลวงปู่ท่านก็จะเอาขัน 5 พาผู้ป่วยและญาติไปขอบารมีจากพระธาตุโพธิ์ทอง ผู้ป่วยก็หาย หรือทุกวันนี้พี่น้องชาวบ้านแก้ง หรือใกล้เคียงที่ทราบกิตติศัพท์ มีความศรัทธาต่อองค์พระธาตุ จะพากันมากราบไหว้บนบานขอเรื่องราวที่ดีในชีวิต ลูกหลานจะเดินทางไปมาออกจากหมู่บ้านก็ยังต้องมาไหว้พระธาตุกราบลาองค์พระธาตุเหมือนสมัยหลวงปู่บุญมียังอยู่

         สำหรับวัดพระธาตุโพธิ์ทองนี้ มีเนื้อที่ครอบคลุมป่าไว้ประมาณ 200 ไร่ กุฎิที่พักในป่าไกลๆ ผู้เขียนไปนอนพักบนกุฎิ หรือไปนั่งกรรมฐาน ในป่าหรือถ้ำเพิงผา ตามดานหินลึกๆ เข้าไปหลายปีมาแล้ว บางปีที่ว่างก็แอบไปอยู่หลายวัน บางปีทั้งวัดมีพระอาจารย์คาน กุลวัฒโน เจ้าอาวาสอยู่ 1 รูป ลูกศิษย์ฆราวาสเป็นฤาษีอีก 1 ตน

       ขอบอกตรงๆ ว่า วัดพระธาตุโพธิ์ทอง นี้ศักสิทธิ์ยิ่งนัก มีเรื่องราวลี้ลับมากมาย ดินแดนแห่งเทพเทวา มหาฤาษี โลกลี้ลับจริงๆ เอาไว้โอกาสหน้าจะเล่าสู่กันฟัง

        สำหรับประวัติหลวงปู่บุญมี ปิยธัมโม มีประวัติและเรื่องราวมากหลายที่ไม่มีใครบันทึกไว้ ท่านเล่าว่าตัวท่านเหมือนน้องชายของ   หลวงปู่สมัย ฑีฆายุโก 
     สมัยยังไม่ได้บวชพระเป็นหนุ่มพากันไปงานบุญ ไปหาเล่นสาวบ้านนั้นบ้านนี้ด้วยกัน พอจะบวชพระก็บวชเวลาใกล้เคียงกัน ท่านสร้างวัดพระธาตุโพธิ์ทองจนสำเร็จด้วยพระบารมีธรรมของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์จริงๆ 

       บารมีธรรมท่านแก่กล้ามาก มีอภิญญาสมาบัติหลายเก่งมาก เพียงแต่ท่านไม่แสดงออกด้วยเกรงผิดพระวินัย...วันหลังจะเล่าสู่ฟัง

ผู้เขียนขอบันทึกไว้พอสังเขป....

          หลวงปู่บุญมี ปิยธัมโม ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เทส เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง ท่านมาสร้างวัดท่าสีลารมณ์ บ้านแก้ง  อำเภอนาแก   นครพนม   ประมาณปี 2509 - 10 และสร้างวัดพระธาตุโพธิ์ทอง ตลอดทั้งศาลา กุฎิ วิหาร ทั้งพระธาตุโพธิ์ทอง ช่วงท้ายชีวิตท่านป่วยด้วยอุบัติเหตุ เป็นอัมพาตครึ่งซีก หลังจากงานศพท่านแล้ว กระดูกท่านกลายเป็นพระธาตุ......
พระอาจารย์คาน  กุลวัฒโน  
ลูกศิษย์เอก หลวงปู่บุญมี ปิยธัมโม
 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุโพธิ์ทองปัจจุบัน


      

       พระธาตุโพธิ์ทองศักดิสิทธิ์องค์นี้ ตั้งแต่เล็กจนโตป่านนี้ เห็นเหตุการณ์ที่พ่อแม่คูบาอาจารย์ หลวงปู่บุญมี ปิยธัมโม  ท่านเพียรสร้างให้เป็นมรดกของพระพุทธศาสนา ให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้สักการะบูชาเป็นสิริมงคล          เป็นที่พึ่งทางใจของทุกท่านที่ใฝ่ดี ปฎิบัติดี
         ดังนั้น หากทุกท่านชาวพุทธในประเทศไทย สายพ่อแม่คูบาอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มีโอกาสมากราบสักการะบูชาพระธาตุโพธิ์ทอง พระพุทธรัตนศาสดา สักครั้งในชีวิต จะเป็นมหามงคลอย่างยิ่ง 
        และหากต้องการมาพักปฎิบัติธรรมกรรมฐาน ฝึกจิตใจตนเองให้เป็นพุทธะ มีพุทธะ รักษาพุทธะ ในจิต ขอบอกว่า วัดถ้ำโพธิ์ทองเป็นสถานที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดโอกาส และควรรีบมาอย่างยิ่ง....

วรวิทย์ ตงศิริ


วันเสาร์ ที่ 23 พฤษภาคม 2558


5 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  3. เคยเป็นศิษย์บวชที่เขมราฐ ท่านสร้างวัดป่าภูล้อมข้าวบ.เตย ข้อมูลเลอะเลื่อนนานมากแล้วครับ ขอบคุณมากๆครับสำหรับข้อมูล วันนี้ก็ว่าจะไปสกลนครไปวัดที่ท่านเคยบวช เพราะจำได้ว่าตอนที่ผมบวชท่านบอกว่าอยากให้มาบวชที่วัดนี้ ความจริงจำไม่ได้ก็ได้ข้อมูลจากเพจนี้ เรื่องอัศจรรย์มากมายตอนที่บวช รวมถึงการสอนของท่าน ผมก็ยังไม่ได้ลงมือเขียนสักที่ อย่างงัยก็ขออ้างอิงเพจนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นด้วยนะครับ.

    ตอบลบ